8 สิ่งที่ควรเช็คเป็นประจำของรถยนต์

ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับรถยนต์ใหม่ รวมถึงราคาจำหน่ายรถ รูปภาพรถ,ข่าวสารล่าสุด ฟีเจอร์สเปค เปรียบเทียบรถ รีวิวจากนักข่าวสายยานยนต์

8 สิ่งที่ควรเช็คเป็นประจำของรถยนต์

               ใครที่มีรถยนต์ส่วนตัวคุณควรเช็คเบื้องต้นรถของตัวเองกันอย่างเป็นประจำ แต่หลาย ๆ ท่านก็ยังไม่ทราบว่าควรเช็คอะไรบ้าง และเช็คอย่างไร yaanyon.com ได้นำเอาความรู้เกี่ยวกับ 8 สิ่งที่ควรเช็คเป็นประจำของรถยนต์ เพื่อให้รถของท่านมีความปลอดภัยกับตัวเอง และกับผู้ร่วมทาง และยังเป็นการประหยัดเงินของท่าน ไม่ต้องเสียเงินซ่อมแพง ๆ ภายหลังหากเกิดปัญหา ไปดูว่าจะมีอะไรบ้างที่เราควรเช็ค

1.น้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่อง

อย่างแรกเริ่มจากน้ำมันหล่อลื่นของเครื่องยนต์ก่อนเลย การดูปริมาณน้ำมันเครื่องนั้นไม่ยาก แค่ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมา แล้วเช็คดูที่ก้านน้ำมันเครื่องว่าระดับของน้ำมันเครื่องเป็นอย่างไร โดยที่ก้านวัดน้ำมันเครื่องนี้จะมีแถบ 2 บน-ล่าง บางยี่ห้อก็จะเขียน F กับ L ซึ่งเพื่อน ๆ ก็ต้องดูกันเองแล้วว่ารถตัวเองเป็นแบบไหน โดยการตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง เราควรที่จะตรวจเช็คดูช่วงเช้า หรือก่อนที่จะเอารถออกไปใช้ เพราะว่าน้ำมันเครื่องจะไหลลงมาที่อ่างน้ำมันเครื่องเกือบทั้งหมด โดยให้ระดับน้ำมันเครื่อง อยู่ระหว่างกลางของทั้ง 2 แถบ

2.น้ำฉีดกระจก

น้ำฉีดกระจก

ต่อมาอย่างที่สองนั้นเหมือนจะไม่จำเป็นแต่เราควรที่จะเติมให้เกือบ ๆ เต็มไว้ตลอดเวลา เพราะถ้าเวลาที่เราขับรถบนถนน เราไม่สามารถทราบได้ว่าเราจะเจอกับเศษอะไรบ้าง อาจจะเจอเศษฝุ่น น้ำขังกระเด็นขึ้นมาโดนกระจก หรือจะโดนขี้นกตกลงมาใส่ก็ได้ ถ้าเราไม่มีน้ำฉีดกระจก ของพวกนี้ก็จะบังทัศนะวิสัยในการขับขี่ของเรา เพราะฉะนั้น น้ำฉีดกระจกควรจะมีให้ใช้งานตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัยในจุดนี้

3.ใบปัดน้ำฝน

ใบปัดน้ำฝน

อย่างต่อมาเป็นใบปัดน้ำฝน หลายๆ คนอาจไม่รู้ว่าเราจะสามารถเช็คใบปัดน้ำฝนได้อย่างไรถ้าหากฝนไม่ตกหรือเราไม่ได้ขับผ่านน้ำ การเช็คนั้นแค่คุณกดปุ่มน้ำฉีดกระจกที่สวิทช์ควบคุมก้านปัดน้ำฝนในรถ น้ำฉีดกระจกก็จะฉีดเข้าที่กระจกหน้ารถของคุณ แล้วใบปัดน้ำฝนก็จะทำงาน คราวนี้เราลองดูว่า ใบปัดน้ำฝน รีดน้ำที่กระจกได้เต็มประสิทธิภาพไหม ขุ่นมัวหรือเปล่า ก้านใบปัดน้ำฝนกดเต็มผิวหน้าหรือเปล่า ถ้าไม่ก็จัดการเปลี่ยน เพราะถ้าเกิดวันนั้นฝนตกหรือเราเจอน้ำสาดเข้ามา ใบปัดน้ำฝนก็จะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และอีกอย่างเราสามารถเช็คได้ว่ามอเตอร์ของปั้มน้ำฉีดกระจกเสียไหม ถ้าเสียน้ำฉีดกระจกจะไม่สามารถฉีดกระจกได้ให้รีบเปลี่ยนได้เลย

4.แบตเตอรี่

.แบตเตอรี่

การเช็คแบตเตอรี่นั้นอันดับแรกดูที่ตาแมวของแบตเตอรี่ก่อนเลย ลองเช็คดูว่าตาแมวอยู่ที่สีอะไร ไฟในแบตเตอรี่เต็มหรือเปล่า (จะมีข้อมูลสีติดที่ตัวแบตเตอรี่) ถ้าไฟในแบตเตอรี่ไม่เต็ม เราก็ควรเอาไปชาร์จ และอีกอย่างก็คือ น้ำกลั่น ถ้ารถคุณเป็นแบตเตอรี่น้ำก็ควรที่จะเช็คดูระดับน้ำกลั่นว่าอยู่ในระดับที่กำหนดไว้ไหม ถ้าไม่ก็ซื้อน้ำกลั่นมาเติมเพื่อยึดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

5.น้ำมันเบรก

น้ำมันเบรก

การตรวจเช็คน้ำมันเบรกไม่ได้ยากรมากนัก กระปุกน้ำมันเบรกจะอยู่ติดกับหม้อลมเบรกสีดำ ๆ ติดกับผนังห้องเครื่องวิธีการนั้น ไม่ยากเลยเพราะว่าเราสามารถมองด้วยตาได้เลย เนื่องจากกระปุกน้ำมันเบรกจะเป็นแบบใส ๆ เขียนว่า Max กับ Min ซึ่งถ้าน้ำมันเบรกอยู่ในระดับที่ปกติจะอยู่ที่คำว่า Max แต่ถ้าน้ำมันเบรกพร่องลงมา ระดับครึ่งของอักษร 2 ตัว หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย ให้สันนิษฐานก่อนเลยว่าผ้าเบรกอาจจะใกล้หมด (ถ้ามั่นใจว่าไม่มีการรั่วซึม ไม่ต้องเติมน้ำมันเบรกเข้าไปเพิ่ม เพราะหากเปลี่ยนผ้าเบรกให้มีความหนามากขึ้น ระดับน้ำมันเบรกจะกลับมาสูงตามเดิม) หรือมีการรั่วซึม เราสามารถตรวจเช็คได้โดยหาซื้อน้ำมันเบรกมาเติมให้อยู่ในระดับ Max ให้เรียบร้อยปิดฝา แล้วอีกซัก 2-3 วัน มาเช็คดูใหม่ ถ้าน้ำมันเบรก ไม่พร่องก็สบายใจได้ แต่ถ้าน้ามันเบรกพร่องลง มาอยู่ในระดับเกือบครึ่งกระปุกหรือสูงกว่านั้น ให้คุณเอารถเข้าเช็คที่ศูนย์หรืออู่รถได้เลย เพราะในระบบเบรกอาจมีอะไรเสียหายก็ได้

6.น้ำหล่อเย็น

น้ำหล่อเย็น

ระบบน้ำในหม้อน้ำ หรือน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์มีความสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นเลย เพราะถ้าเกิดความร้อนขึ้น เครื่องยนต์ก็จะมีปัญหาได้ ซึ่งการตรวจเช็คน้ำหม้อน้ำไม่ยาก โดยรถรุ่นใหม่ๆ จะมีถังพักน้ำที่ต่อเข้ากับหม้อน้ำ เราลองเปิดถังพักน้ำขึ้นมาดูว่าระดับน้ำพร่องลงไหม ถ้าระดับน้ำพร่องลงให้เติมน้ำในถังพักน้ำให้ได้ค่าปรกติ ซึ่งจะมีเส้นกำหนดเอาไว้ที่ถังพักน้ำ (ไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำขณะเครื่องร้อน)

7.ไฟหน้า ไฟเลี้ยว หน้า-หลัง และไฟเบรก

ไฟหน้า ไฟเลี้ยว หน้า-หลัง และไฟเบรก

ไฟนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่ง วิธีการตรวจเช็คไม่ยากเลย ไฟหน้าก็เปิดไฟหน้าทิ้งไว้แล้วเดินออกมาดูหน้ารถ ทั้งไฟสูงและไฟปกติ ต่อมาเป็นไฟเลี้ยวก็เปิดข้างไว้ทีละข้างจะเริ่มทางฝั่งไหนก่อนก็ได้ แล้วก็เดินดูหน้ารถและท้ายรถให้เรียบร้อย ส่วนไฟเบรกหลังถ้าเช็คได้ด้วยตัวเองก็เปิดไฟหรี่แล้วเดินดูท้ายรถว่าติดไหม แต่เวลาที่เหยียบเบรกแล้วให้คนที่บ้านดู หรือถอยหลังเข้ากำแพงหรือกระจก แล้วลองสังเกตดูข้างซ้าย-ขวา ว่าติดไหม ถ้าติดก็โอเคผ่าน ถ้าไม่ติดก็ทำการเปลี่ยน เพราะถ้าไม่เปลี่ยนจะเป็นอันตรายต่อตัวเอง และผู้อื่น แล้วยังจะถูกตำรวจจับอีกด้วย

8.ลมยาง

ส่วนสุดท้านที่เราต้องเช็ค และถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เช่นกันคือ ลมยางรถยนต์ เรื่องง่าย ๆ ที่ควรตรวจเช็ค ลมยางรถของท่านถ้าเติมเยอะเกินไปรถก็จะยึดเกาะถนนไม่ดีเท่าที่ควร แต่ถ้าเติมน้อยเกินไปหน้าสัมผัสยางก็จะสัมผัสกับถนนเยอะเกินไป ทำให้กินน้ำมันรถยนต์มากกว่าปกติ ซึ่งเราควรที่จะหนั่นตรวจสอบให้อยู่ในค่าที่โรงงานกำหนด โดยสามารถดูจากฉลากที่ติดอยู่ตรงขอบประตูรถเวลาที่เราเปิดประตูออกมาได้ เพื่อน ๆ ควรที่จะหาซื้อเกจ์วัดลมยางเก็บไว้สัก 1 อัน เอาไว้เช็คลมยางรถตัวเองด้วย

และนี่คือ 8 สิ่งที่ควรเช็คเป็นประจำของรถยนต์  เพื่อน ๆ อย่าลืมตรวจเช็คกันให้เป็นประจำ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งก็ยังดี เพื่อยืดอายุการใช้งานรถยนต์ของคุณให้ใช้ได้ยาวนาน แถมยังเซฟเงินในกระเป๋าของคุณ และเมื่อเราใช้รถก็จะได้มีความปลอดภัยกับชีวิตตัวเอง และคนอื่น ๆ อีกด้วย

แนะนำบทความ น่าสนใจ

การลงทุนเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสนใจ ยิ่งในสภาพสังคมและเศรษฐกิจแบบปัจจุบัน คนยิ่งหันมาสนใจการลงทุนรูปแบบต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น แต่ก็อย่างที่ทราบกันดี ว่าการจะลงทุนอะไรสักอย่างมันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน การลงทุนยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจให้มาก และหากคุณเป็นหนึ่งคน ที่สนใจจะลงทุนด้วยการซื้อกองทุน วันนี้เราจะมาบอกว่า มือใหม่ควรเลือกซื้อกองทุนอย่างไร ช่วยให้ประสบความสำเร็จ พร้อมแล้วไปดูกันเลย

มือใหม่ควรเลือกซื้อกองทุนอย่างไร
มือใหม่ควรเลือกซื้อกองทุนอย่างไร